โฆษกกองทัพเรือ เผย ผู้บัญชาการทหารเรือ ประณามนายทหารชั้นยศนาวาตรี สังกัดกองทัพเรือ ซ่อนกล้องแอบถ่ายในห้องน้ำหญิง พร้อมลงโทษให้ถึงที่สุด นาวาตรีตั้งกล้อง – วันนี้ (3 กุมภาพันธ์ 2565) เวลา 16.00 น. พลเรือโท ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงข่าวกรณี มีกำลังพลกองทัพเรือชั้นยศ นาวาตรี ตั้งกล้องแอบถ่ายในห้องน้ำหญิง ภายในสำนักงาน โดยผู้ตกเป็นเหยื่อประกอบด้วยข้าราชการพนักงานลูกจ้างและนักเรียนฝึกงาน โดยผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรพลูตาหลวงอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรีไปแล้วนั้น
โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าว
ได้ถูกเปิดเผย เมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา ภายหลัง มีผู้พบกล้อง 2 ตัวติดตั้งอยู่บนฝ้าเพดานห้องน้ำ ในสำนักงานของหน่วยงานราชการในสังกัดกองทัพเรือ ขณะทำการซ่อมแซมระบบสายไฟ ซึ่งเมื่อตรวจสอบจึงพบว่ามีการซ่อน กล้องต่อเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์ของ ว่าที่ นาวาตรี เกียรติกร มั่งคั่ง สังกัดแผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ ซึ่งการตรวจสอบข้อมูลภายในคอมพิวเตอร์พบหลักฐานคลิปวีดีโอของผู้เสียหายขณะทำภารกิจส่วนตัวซึ่งถูกบันทึกไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 ซึ่งหน่วยงานต้นสังกัดของ ว่าที่ นาวาตรี เกียรติกรฯ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยได้ทำการกักควบคุมตัว ว่าที่ นาวาตรี เกียรติกรฯ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ ไปข่มขู่ผู้เสียหายและมิให้ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ระหว่างสอบสวน ซึ่งผลการสอบสวนเบี้องต้นพบว่า ว่าที่ นาวาตรี เกียรติกรฯ กระทำความผิดจริง
ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ เห็นว่า การกระทำของ ว่าที่ นาวาตรี เกียรติกรฯ เป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พ.ศ. 2476 และเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้เสียหายจำนวนมากและสร้างความเสื่อมเสียต่อกองทัพเรือ กองทัพเรือ จึงได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัยร้ายแรง เพื่อพิจารณาตามกฏหมายตลอดจนข้อบังคับและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยปัจจุบันอยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาโทษความผิดทางวินัยร้ายแรง ซึ่งคาดว่าจะทราบผลการสอบสวนของคณะกรรมการโดยเร็ว
โฆษกกองทัพเรือ กล่าวต่อไปว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้ส่งข้อความไปยังกำลังพลทุกนายว่า
“ในขณะที่พี่น้องทหารเรือเราปฏิบัติงานอย่างเหนื่อยยาก ลาดตระเวนตามแนวชายแดนทั้งทางบกทางทะเล ทั้งกลางวันกลางคืน บางส่วนบินตรวจการณ์ โปรยสารเคมีขจัดคราบน้ำมัน บางส่วนตอนนี้ยังอยู่ใต้น้ำตรวจสอบเรือจม และตรวจสอบผลกระทบจากน้ำมันรั่ว แต่ก็ยังมีบางคนที่ประพฤติตัวไม่ดี ทำให้ส่วนรวมเสื่อมเสีย ผมขอประณามการประพฤติตัวดังกล่าว และจะดำเนินการลงโทษให้ถึงที่สุด เพื่อรักษาเกียรติของพวกเราทหารเรือให้คงอยู่และเป็นที่เชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนสืบไป”
เดือด! แมวหลุดออกจากบ้าน ไปเหยียบรถหรู เจ้าของรถเรียกเงินแสน
กลายเป็นประเด็นร้อนหลังจากที่ แมวหลุดออกจากบ้าน และไปเหยียบรถหรู เจ้าของรถเรียกเงินแสน ด้านเจ้าของแมวไม่จ่าย ต้องตัดสินกันในศาล
ผู้ใช้ TikTok รายหนึ่งได้โพสต์คลิปกล้องวงจรปิดของเพื่อนบ้าน พร้อมเขียนข้อความกำกับว่า “ลูกทำ แมวหลุดออกจากบ้านขณะเปิดประตูขึ้นรถโรงเรียนและขึ้นรถบ้านข้างๆกัน เค้าไปแจ้งความ ตำรวจแจ้งข้อหาปล่อยสัตว์สัตว์ร้ายเที่ยวตามลำพังทำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหายคดีขึ้นชั้นศาลคันสีเหลืองเรียกค่าเสียหาย108, 000 บาท บอกว่าเป็นรถหรู ติดสติ๊กเกอร์จึงต้องแพง”
ซึ่งผู้โพสต์คลิปยังระบุอีกว่า “คันสีดำเป็นป้ายแดง รถเคลือบแก้ว อย่างในคลิปวีดีโอน้องไม่ได้ขวนอะไรเลย แต่น้องขึ้นไปนั่งและลงมา เราเจ้าของแมว ไปดูในวันเกิดเหตุ ไม่มีร่องรอยอะไรเลยค่ะ มีแค่รอยเท้าฝุ่น วอนสังคมช่วยเราด้วยค่ะ เราโดนฟ้อง2คดีแมวขึ้นรถ2คัน”
โดยผู้เจ้าของคลิป หรือ นางบี ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า เรื่องเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ต.ค.63 หลังลูกตนมาเล่าว่า ช่วงเช้าเปิดประตูกำลังจะออกไปขึ้นรถโรงเรียน แต่แมวในบ้านวิ่งออกไปท่ามกลางฝนที่ตกอยู่ ซึ่งลูกก็ตามหาอยู่สักพัก แต่ไม่เจอ เลยต้องขึ้นรถไปก่อน
กระทั่งช่วงบ่าย เพื่อนบ้านรายนี้ส่งคลิปแมวของตนปีนรถสปอร์ตยี่ห้อโลตัส สีเหลือง และรถบีเอ็มดับเบิลยู สีดำ ไปให้สามีดู สามีบอกให้ตนทราบและจะขอไปดูความเสียหาย
พอช่วงค่ำเข้าไปดู ก็เห็นเพียงรอยเท้าแมวเปื้อนดิน สามีก็ถามไปว่ารอยที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากการใช้งานหรือไม่ เขาก็ยืนยันว่าเกิดจากแมว และเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงิน 100,000 บาท โดยอ้างไปประเมินราคามาแล้ว จะให้จ่ายสดหรือผ่อนก็ได้ ไม่งั้นจะแจ้งความ ทั้งที่ไม่เคยมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันมาก่อน และบ้านเขายังเคยมานั่งดื่มเบียร์ที่บ้านตนกันด้วย
นางบี เล่าต่อว่า ตอนแรกตนก็ไปคุยไกล่เกลี่ย ยอมรับว่าผิดจริงที่ปล่อยแมวออกไปจากเหตุสุดวิสัย พร้อมที่จะใช้ค่าเสียหายที่สมเหตุสมผล ไม่ได้นิ่งดูดาย แต่ทราบมาว่าเขาซื้อรถยี่ห้อโลตัส มือสองคันนี้ผ่านมาถึงเขาเป็นมือที่ 4 แล้ว และเอาออกไปใช้งานบ่อย ไม่ทราบว่าจะเกิดจากร่องรอยอื่นหรือไม่ อีกทั้งก่อนเกิดเรื่อง ยังเคยมีสุนัขจรจัดวิ่งเข้าไปตะกุยตะกายรถเขา เพราะไม่ชอบปิดประตูบ้าน แต่ยังตกลงกันไม่ได้
กระทั่งมาทราบทีหลัง ตอนมีหมายเรียกจากตำรวจ สภ.ลำลูกกา ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาปล่อยปละละเลยให้สัตว์ดุหรือสัตว์ร้ายเที่ยวไปโดยลำพังในประการที่อาจทำอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ ซึ่งตำรวจบอกกับตนให้รับสารภาพว่าเป็นแมวตัวเองจริง ส่วนเรื่องอื่นให้ไปสู้กันชั้นศาล ตนยังยืนยันว่าเหตุที่แมวหลุดไปเป็นเรื่องสุดวิสัย กระนั้นก็เสียค่าปรับไป 500 บาท จนมีนัดไกล่เกลี่ยที่ศาลถึง 2 ครั้ง