อดีต ส.จ. ก่อเหตุสลดฆ่ายกครัว 4 ศพ วันเดียวกันพบ สมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักมวยคนดัง เตรียมเข้ามาคุยเรื่องหนี้สินกับผู้ตาย เหตุการณ์ฆ่ายกครัว 4 ศพ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 พ.ย.64 โดยที่เกิดเหตุเป็นทาวน์โฮมสูง 3 ชั้น ในบ้านพบร่างผู้เสียชีวิต 4 คน ทราบชื่อ คือ นายธวัชชัย ทองอ่อน อายุ 48 ปี หรือคนในพื้นที่รู้จักดในชื่อ “ส.จ.ดำ” เจ้าของร้าน เสบียงทิพย์ อาหารปักษ์ใต้ ย่านหลัง ม.รามคำแหง ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเสียชีวิต
นอกจากนี้ยังพบร่าง ภรรยา และ ลูกสาวคนโต และ ลูกสาวคนเล็กของผู้ตาย ถูกยิงด้วยอาวุธปืน เสียชีวิตอยู่ภายในบ้านเช่นกัน
ทั้งนี้ ตำรวจได้รับแจ้งจาก รปภ.ของหมู่บ้านว่าเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ได้ยินเสียงปืนจำนวนหลายครั้งดังออกมาจากบ้านหลังดังกล่าว จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ เมื่อมาถึงพบว่าเจ้าของบ้าน ภรรยา และลูกสาว ถูกยิงเสียชีวิตทั้งหมด ซึ่งในวันเดียวกันยังได้พบกับ สมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักมวยทีมชาติไทย ได้เดินทางไปทวงหนี้จาก ส.จ. ดำ ที่ร้านอาหารซึ่ง ส.จ.เป็นเจ้าของ โดยนัดจ่ายเงิน10 ล้านบาท แต่ไม่พบตัว จึงมาตามหาที่บ้าน ก็พบว่า เสียชีวิตแล้วทั้งครอบครัว
สมรักษ์ เปิดเผยว่า รู้จักกับ สจ.ดำ ช่วงที่มีปัญหาเรื่องเงินซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลและไม่ได้ของ จนทำให้มีเรื่องขึ้นโรงพัก ฝ่าย สจ.ดำ ได้โทรศัพท์หาตน อ้างว่า สามารถหาลอตเตอรี่ได้ จึงลองติดต่อซื้อลอตเตอรี่ โดยมีผู้ร่วมหุ้นลงทุนด้วย 5-6 ราย โดยมีการซื้อสลากกันมา 4 งวด แต่ไม่เคยได้ของตรงตามที่ตกลงกันไว้ จนกระทั่งมีการนัดหมายในวันนี้ เวลา 14.00 น.ที่ผ่านมาที่ร้านเสบียงทิพย์ ซึ่งผู้ตายเป็นเจ้าของ เพื่อขอคืนเงินงวดแรก 2.5 ล้านบาท และทาง สจ.ดำ บอกว่า จะทยอยจ่ายให้ในวันรุ่งขึ้นอีก 2.5 ล้านบาท จากยอดทั้งหมด 10 ล้านบาท เมื่อถึงเวลานัดเดินทางไปที่ร้านตามนัด แต่ไม่พบตัว สจ.ดำ จนได้รับแจ้งจากตำรวจว่า สจ.ดำได้ก่อเหตุฆ่ายกครัวไปแล้ว จึงตามมาดูที่เกิดเหตุ
เบื้องต้นตำรวจคาดว่าสาเหตุเกิดจากปัญหาหนี้สิน อย่างไรก็ตามต้องสืบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะสรุปสาเหตุต่อไป
สำหรับ นายธวัชชัย เคยเป็นอดีต ส.จ.นครศรีธรรมราช และเคยถูกตำรวจกองปราบปรามจับกุม เมื่อช่วงต้นปี 64 ในคดีฉ้อโกงและปลอมแปลงเอกสารราชการ และ กลางปี64 ก็ถูกจับกุมในข้อหา “ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ในขณะที่ออกเช็คในขณะออกเช็คไม่มีเงินอยู่ในบัญชี” ซึ่งครั้งนั้น ส.จ.ดำให้การ ภาคเสธ
วานนี้ (9 พ.ย. 64) มีรายงานเหตุสยองกลางเมืองนครสวรรค์ นางสาวรัฐคณิศร อายุ 56 ปี นักธุรกิจหญิงเกี่ยวกับการทำโครงข่ายอินเทอร์เน็ต เสียชีวิตอยู่ในบ้าน เลขที่ 522 หมู่ที่ 6 ตำบลหนองกรด อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์
เมื่อตำรวจ สภ.เมืองนครสวรรค์ สาขาย่อยหนองเบน ไปตรวจจุดเกิดเหตุ ภายนอกบ้านตรงกำแพงบ้าน พบนายรุจิภาส อายุ 22 ปี ลูกน้องของนางรัฐคณิศร สภาพบาดเจ็บเลือดเต็มตัว ถูกเชือกมัดมือ ตรวจสอบเบื้องต้นพบแผล บริเวณกกหูซ้าย ท้ายทอย และมีรอยของมีคมบาดบริเวณหลัง
ส่วนร่างผู้เสียชีวิต พบอยู่บริเวณอ่างล้างจาน นอนจมกองเลือด มีร่องรอยการถูกทำร้ายหลายแห่งตามร่างกาย เบื้องต้น ตำรวจตั้งขอสันนิษฐานไว้ 2 ประเด็น คือเรื่องส่วนตัว กับชิงทรัพย์ เพราะสร้อยคอทองคำผู้ตายและผู้บาดเจ็บ หนักรวม 4 บาท ได้หายไป ตำรวจ สภ.เมืองนครสวรรค์ กำลังสอบสวนพยานหลักฐานเพื่อนำตัวคนร้ายมารับโทษต่อไป
หนุ่มเสพยาบ้า-น้ำท่อม ฆ่าตัดหัว 2 ผัวเมียขาดสยอง อ้างความแค้น
เกิดเรื่องราวสะเทือนขวัญขึ้นที่จังหวัดตรัง เมื่อ นายอรุณทร ชื่อเล่น เมี้ยก อายุ 37 ปี ได้ก่อเหตุ ใช้มีดพร้า ฆ่าตัดหัวสองผัวเมีย เลขที่ 46 หมู่ 4 บ้านห้วยนางใต้ ริมถนนสายต้นส้มหม้าว-ห้วยนางใต้ ต.ห้วยนาง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง
เหยื่อคือ น.ส.เพ็ญนภา อายุ 52 ปี และ นายสุพรรณ อายุ 59 ปี อาชีพกรีดยาง เสียชีวิตในบ้านพักตนเอง สภาพหัวขาดจากตัวสยดสยอง ไม่พบทรัพย์สินสูญหาย ตำรวจเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ก่อนจะสนธิกำลังชุดสืบสวน สภ.ห้วยยอด กับ ปฏิบัติการพิเศษศรีตรัง จนจับกุมตัวนายเมี้ยก ผู้ก่อเหตุ ได้ที่บ้านพักใน ต.ห้วยนาง อ.ห้วยยอด ห่างจากจุดฆาตกรรมไปประมาณ 4 กิโลเมตร
เมื่อไปถึงพบหลักฐานเป็นของกลางคือ เสื้อผ้าเปื้อนคราบเลือดที่แช่อยู่ในกาละมังซักผ้า และมัดพร้าที่ใช้ก่อเหตุ
นายอรุณทร รับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือก่อเหตุฆ่าตัดคอสองผัวเมีย ก่อนจัดการ ได้เสพยาบ้าไป 2 เม็ด ตามด้วยน้ำท่อม ความตั้งใจแรกคือจะไปฆ่านายสุพรรณ แต่เห็นเพ็ญนภาอยู่ในบ้านด้วย จึงต้องลงมือฆ่าเพราะหญิงสาวเห็นหน้า
ส่วนมูลเหตุของฆาตกรรม อ้างว่า ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นายสุพรรณ ผู้ตายชอบผู้จาใส่ตน ว่าให้ กระแนะกระแหน กลั่นแกล้งตนไม่ว่าจะทำอะไร ชอบพูดเสียดสีเรื่องยาเสพติด จึงเกิดความแค้นฝังใจ
เบื้องต้น ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหานายเมี้ยก ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ส่วนจะทำแผนฯหรือไม่นั้น ต้องดูความปลอดภัยของผู้ต้องหาที่จะเสี่ยงโดนรุมประชาทัณฑ์อีกทีหนึ่ง
กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่า จากการติดตามและคาดการณ์ในช่วงวันที่ 9-12 ต.ค. จะมีมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากจีน แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป